พลาสติกโรงเรือน
GREENHOUSE COVER FILM
ตัวเลือกของ พลาสติกโรงเรือน


ความกว้าง
3 และ 4 เมตร

ความยาวต่อม้วน
50 และ 100 เมตร

ความหนา
- 0.10 มิลลิเมตร ( 100 ไมครอน )
- 0.15 มิลลิเมตร ( 150 ไมครอน )
- 0.20 มิลลิเมตร ( 200 ไมครอน )
- 0.25 มิลลิเมตร ( 250 ไมครอน )

สี
สีใส
รายละเอียดสินค้า
พลาสติกโรงเรือน หรือ พลาสติกคลุมโรงเรือน (Greenhouse Cover Film) ผลิตจากพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) คุณภาพสูง ผสมสารป้องกันแสงUV ช่วยเพิ่มความทนทานต่อแสงแดด ยืดอายุการใช้งาน ไม่ฉีกขาดง่าย กันน้ำได้100% การติดตั้งพลาสติกใสคลุมโรงเรือน จะติดตั้งเข้ากับโครงเหล็กหรือโครงสร้างหลักของโรงเรือน โดยใช้อุปกรณ์ยึดล็อคโดยเฉพาะ ได้แก่ คลิปล็อค เพื่อยึดโครงสร้างหลักกับพลาสติกคลุมโรงเรือนเข้าด้วยกัน
ความหนา มม.
ความหนา (ไมครอน)
ความกว้าง
ความยาว
สารป้องกัน UV
0.10 มม.
100 ไมครอน
3m / 4m
50m / 100m
7%
0.15 มม.
150 ไมครอน
3m / 4m
50m / 100m
7%
0.20 มม.
200 ไมครอน
3m / 4m
50m / 100m
7%
0.25 มม.
250 ไมครอน
3m / 4m
50m / 100m
7%
การเลือกความหนาของพลาสติกโรงเรือน
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกความหนาของพลาสติกโรงเรือน
-
- สภาพอากาศ : พื้นที่ที่มีลมแรงหรืออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ควรเลือกพลาสติกที่หนามากขึ้น
- ชนิดของพืช : พืชแต่ละชนิดต้องการแสงแดดและอุณหภูมิที่แตกต่างกัน
- งบประมาณ : พลาสติกที่หนามากจะมีราคาสูงกว่า
- อายุการใช้งาน : หากต้องการให้พลาสติกใช้งานได้นาน ควรเลือกความหนาที่มากกว่า

พลาสติกคลุมโรงเรือน 100ไมครอน
พลาสติกโรงเรือนหนา100ไมครอน
เหมาะสำหรับ :
- โรงเรือนชั่วคราวหรือโรงเรือนที่ใช้งานในระยะสั้น เช่น โรงเพาะชำเมล็ด โรงเรือนคลุมผักสวนครัว
- โรงเรือนที่อยู่ภายในบ้าน มีรั้วบ้านเป็นแนวกันลมหรือในพื้นที่ที่ลมไม่แรง
- โรงเรือนขนาดเล็กหรือใช้คลุมพืชที่ต้องการแสงแดดมาก
พืชที่เหมาะสม :
- ผักสวนครัวและพืชที่มีอายุการปลูกสั้น เช่น ผักบุ้ง กวางตุ้ง ผักสลัด
ข้อดี :
- ราคาถูก ติดตั้งง่าย
ข้อเสีย :
- อายุการใช้งานสั้น (ประมาณ 6-12 เดือน)
- อาจฉีกขาดได้ง่ายหากโดนลมแรงหรือมีวัตถุคมทิ่มแทง

พลาสติกคลุมโรงเรือน 150ไมครอน
พลาสติกโรงเรือนหนา150ไมครอน
เหมาะสำหรับ :
- โรงเรือนที่อยู่ในบริเวณบ้านหรือสำนักงาน มีรั้วรอบขอบชิด มีระยะห่างระหว่างกำแพงและโรงเรือน มีลมพัดแรงปานกลาง
พืชที่เหมาะสม :
- พืชผักทั่วไป ที่ต้องการป้องกันแมลงและสภาพอากาศ เช่น มะเขือเทศ พริก แตงกวา
ข้อดี :
- ราคาสมเหตุสมผล ทนต่อสภาพอากาศได้ดีในระดับหนึ่ง
- มีอายุการใช้งาน 1-2 ปี
ข้อเสีย :
- ยังมีโอกาสขาดหรือเสื่อมสภาพจากแสงแดดหากไม่ได้เคลือบสาร UV

พลาสติกคลุมโรงเรือน 200ไมครอน
พลาสติกโรงเรือนหนา200ไมครอน
เหมาะสำหรับ :
- โรงเรือนที่อยู่กลางแจ้ง ไม่มีแนวกันลม มีลมพัดแรงมาก
- โรงเรือนที่ค่อนข้างสูง มีความสูงตั้งแต่พื้นถึงคานมากกว่า 2.50 เมตร
พืชที่เหมาะสม :
- พืชที่ต้องการป้องกันแมลงรบกวน และต้องการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่
- พืชที่มีอายุการปลูกยาวนาน เช่น พริกหยวก มะเขือเทศ แตงโม
ข้อดี :
- ป้องกันแมลงได้ดี ทนต่อลมแรงและฝนตกหนัก
- อายุการใช้งานประมาณ 2-3 ปี
ข้อเสีย :
- ราคาสูงกว่ารุ่นบาง แต่ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้งานระยะยาว

พลาสติกคลุมโรงเรือน 250ไมครอน
พลาสติกโรงเรือนหนา250ไมครอน
เหมาะสำหรับ :
- โรงเรือนขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- โรงเรือนขนาดใหญ่ ที่ใช้ปลูกพืชระยะยาว หรือพืชที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิอย่างดี
- โรงเรือนที่ทำระบบปิดเต็มรูปแบบ หรือโรงเรือนที่ต้องการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด
พืชที่เหมาะสม :
- พืชเศรษฐกิจที่ต้องการการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างเข้มงวดและมีอายุการปลูกยาวนาน เช่น พืชในระบบไฮโดรโปนิกส์ เมล่อน สตอเบอรี่
ข้อดี :
- ป้องกันแสงแดด แมลง และฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- อายุการใช้งานประมาณ 3-5 ปี
ข้อเสีย :
- ราคาสูงและมีน้ำหนักมาก ต้องทำโครงสร้างโรงเรือนให้แข็งแรง
ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกพลาสติกโรงเรือน
- ความหนา :
พลาสติกที่หนากว่าไม่ได้หมายความว่าจะทนแดดได้มากกว่า หรือมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าพลาสติกที่บางกว่า แต่ความหนาที่มากกว่าจะทนทานต่อการฉีกขาดจากแรงลม แรงกระแทกจากกิ่งไม้ และแรงจากน้ำฝนได้ดีกว่า
- การใส่สารป้องกันรังสียูวี :
สารป้องกันรังสียูวีที่ผสมในเนื้อพลาสติก จะช่วยในเรื่องของความทนทานต่อแสงแดด ซึ่งในท้องตลาดที่มีจำหน่ายจะเป็นรุ่นที่มีปริมาณสารต้านรังสียูวี (UV) อยู่ที่ 0% , 3% , 5% และ 7% โดยพลาสติกโรงเรือนที่มีการผสมสารต้านรังสียูวี (UV) ในปริมาณที่สูงจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้นตามลำดับ
ซึ่งทางเราสั่งผลิตและจัดจำหน่ายเฉพาะรุ่นใส่สารต้านรังสียูวี (UV) 7% เท่านั้น

ประโยชน์ของพลาสติกคลุมโรงเรือน
- ช่วยป้องกันความเสียหายจากแมลงศัตรูพืช สัตว์เลื่อยคลาน และสัตว์เลี้ยงต่างๆ
- ช่วยเพิ่มโอกาสในการเพาะปลูกพืชนอกฤดูกาล
- ช่วยป้องกันภัยจากธรรมชาติ เช่น ฝน ลูกเห็บ ลมแรง เป็นต้น
- ช่วยรักษาสภาพอากาศภายในโรงเรือนให้มีความสมดุล แม้ในขณะที่สภาพอากาศภายนอกมีความแปรปรวน
- ช่วยควบคุมโปรแกรมการใช้สารกำจัดศัตรูพืชให้มีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะแวดล้อมแบบปิด
- ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานและการเก็บเกี่ยวผลผลิต แม้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

Reviews
There are no reviews yet.